วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

มัลเบอรี่
7 ประโยชน์ของมัลเบอร์รี สุดยอดผลไม้ดีเพื่อสุขภาพ

ชื่อสมุนไพร        มัลเบอร์รี่ (Mulberry) หรือ หม่อน (ภาคอีสานเรียกว่า “มอน”) 
ชื่อสามัญ            Black Mulberry 
ชื่อวิทยาศาสตร์ Morus nigra L. 
ชื่อวงศ์                MORACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
           เป็นไม้ทรงพุ่ม สูงประมาณ 2-5 ม. ใบเป็นใบเดี่ยว รูปไข่กว้าง 8-15 ซม. ยาว 10-15 ซม. ด้านขอบใบมีรอยหยัก ใบมีลักษณะสาก ส่วนดอกมีสีขาวหม่นหรือแกมเขียว ออกเป็นช่อ ผลมีลักษณะเป็นผลรวม เมื่อสุกจะมีแดง สีม่วงแดง สุกมากจะมีสีดำ ตามลำดับ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว
ประโยชน์ของมัลเบอรี่
         1.ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด  ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมักมีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอยู่เสมอ แต่ผลไม้ดีอย่างมัลเบอร์รีนั้นก็มีคุณสมบัติช่วยป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดมีการผกผันได้ โดยจะชะลอการย่อยของคาร์โบไฮเดรต ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดไม่เกิดการผกผันจนส่งผลกระทบกับร่างกายได้นั่นเอง
          2.ช่วยลดคอเลสเตอรอล  ไขมันภายในร่างกายอย่างคอเลสเตอรอลนั้นจำเป็นอย่างมากทีเดียวที่เราจะต้องคอยควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ เพราะปล่อยให้ร่างกายมีปริมาณไขมันดังกล่าวมากเกินไปก็ย่อมก่อให้เกิดความเสี่ยงของการเป็นโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด แต่การทานมัลเบอร์รีจะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ลงได้ ทั้งยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (HDL) เข้ามาแทนที่ได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ มันยังช่วยลดไขมันที่พอกพูนอยู่ในตับให้น้อยลงได้อีกด้วย
          3.ป้องกันโรคมะเร็ง  เมื่อเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกายถูกทำลายจนเสียหายมันก็จะแปรเปลี่ยนกลายมาเป็นเซลล์ที่มีภาวะผิดปกติ และนำมาสู่โอกาสของการเกิดเซลล์มะเร็งได้ในที่สุด แต่การกินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างมัลเบอร์รีจะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็งและกำจัดเซลล์มะเร็งไปพร้อมๆ กันได้ จึงนับเป็นสุดยอดอาหารต้านมะเร็งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
          4. ป้องกันความดันโลหิตสูง เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารที่มีคุณสมบัติควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ให้สูงเกินไป และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดได้อีกด้วย โดยพบว่ามีสารชนิดนี้จากในเปลือกผลไม้บางชนิด เช่น องุ่นและผลไม้ตระกูลเบอร์รีบางชนิด ซึ่งผลมัลเบอร์รีก็นับเป็นแหล่งของสารเรสเวอราทรอลไม่น้อยทีเดียว
          5.ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง   มัลเบอร์รีเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยสารอัลคาลอยด์ (Alkaloids) สารดังกล่าวมีประสิทธิภาพเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้นกันร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยมันจะเข้าไปทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์แมคโคเฟจ (macrophages) ซึ่งเป็นเซลล์ที่คอยทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคและเชื้อไวรัสที่มักเข้ามาจู่โจมเล่นงานภายในร่างกาย จึงทำให้เรามีภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรงและลดโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายนั่นเอง
          6.ช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น  โดยปกติแล้ว ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารที่ไม่ค่อยมีในพืชเท่าใดนัก แต่สำหรับมัลเบอร์รีนั้นกลับเป็นผลไม้ที่เปี่ยมด้วยธาตุเหล็กอยู่อย่างน่าทึ่ง ซึ่งสารอาหารดังกล่าวจะทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยให้การไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น และยังทำให้ร่างกายสามารถส่งผ่านออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงอวัยวะและเนื้อต่างๆ ได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย
           7.ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อาการท้องผูกมีสาเหตุการเกิดมาจากการที่ร่างกายขาดไฟเบอร์ แต่มัลเบอร์รีเป็นผลไม้ที่เปี่ยมด้วยปริมาณไฟเบอร์สูง แน่นอนว่ามันจะช่วยกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น จึงช่วยแก้อาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ ยังแก้อาการท้องอืดและจุกเสียดแน่นท้องได้อีกด้วย
          คุณค่าทางโภชชนาการของมัลเบอร์รี่ ต่อ 100 กรัม
          - พลังงาน 43 กิโลแคลอรี่
          - คาร์โบไฮเดรต 9.8 กรัม
          - น้ำตาล 8.1 กรัม
          - ใยอาหาร 1.7 กรัม
          - ไขมัน 0.39 กรัม
          - โปรตีน 1.44 กรัม
          - เถ้า 0.69 กรัม
          - วิตามินเอ 25 หน่วยสากล
          - เบต้าแคโรทีน 9 ไมโครกรัม
          - ลูทีน และ ซีแซนทีน 136 ไมโครกรัม
          - วิตามินบี1 0.029 มิลลิกรัม (3%)
          - วิตามินบี2 0.101 มิลลิกรัม (8%)
          - วิตามินบี3 0.62 มิลลิกรัม (4%)
          - วิตามินบี6 0.05 มิลลิกรัม (4%)
          - วิตามินบี9 6 ไมโครกรัม (2%)
          - วิตามินซี 36.4 มิลลิกรัม (44%)
          - วิตามินอี 0.87 มิลลิกรัม
          -วิตามินเค 7.8 ไมโครกรัม
          - โคลีน 12.3 มิลลิกรัม (3%)
          - แคลเซียม 39 มิลลิกรัม (4%)
          - ธาตุเหล็ก 1.85 มิลลิกรัม (14%)
          - แมกนีเซียม 18 มิลลิกรัม (5%)
          - ฟอสฟอรัส 38 มิลลิกรัม (5%)
          - โพแทสเซียม 194 มิลลิกรัม (4%)
          -โซเดียม 10 มิลลิกรัม (1%)
          - สังกะสี 0.12 มิลลิกรัม (1%)
          - ทองแดง 0.06 มิลลิกรัม
          - ซีลีเนียม 0.6 ไมโครกรัม
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)























น้ำมัลเบอรรี่
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

วิธีทำ
1. เตรียมน้ำเชื่อม โดยละลายน้ำตาลทรายในน้ำสะอาด นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด และยกลง
2. นำผลหม่อนมาล้าง และสะเด็ดน้ำ
3. ปั่นผลหม่อน น้ำแข็ง น้ำเชื่อม และเกลือ (ปลายช้อนชา) ด้วยเครื่องปั่น ประมาณ 1 นาที หรือจนเนื้อเนียนละเอียด
4. เทลงแก้ว พร้อมเสิร์ฟ ดื่มแบบเย็นๆ รสชาติหวานอมเปรี้ยว อร่อยชื่นใจ ได้ประโยชน์

อ้างอิง
https://www.sanook.com
https://medthai.com/มัลเบอรี่/
https://www.wongnai.com/recipes/ugc/6c51b22707f74004ba0329ebb05ee3e8


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น