วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2561

ในภาพอาจจะมี ต้นพืช และสถานที่กลางแจ้ง
กำลังเสือโคร่ง
ชื่อวิทยาศาสตร์  Strychnos axillaris Colebr.
ชื่อวงศ์  LOGANIACEAE หรือSTRYCHNACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
     จัดเป็นไม้พุ่มรอเลื้อยหรือไม้เถาขนาดใหญ่ มีลำต้นสีเขียวอมเทาถึงสีน้ำตาล หรือสีน้ำตาลอมดำ ลำต้นกลมหรือเป็นเหลี่ยม ไม่มีช่องอากาศ ลำต้นมีหนามตามง่ามใบ มีมือจับอันเดียวและมีขน สามารถพบขึ้นได้ทั่วไปตามป่าดงดิบแล้ง ป่าละเมาะ และป่าโปร่งทั่ว ๆ ไป
      มีใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน แผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปสีเหลี่ยมข้าวหลามตัดถึงค่อนข้างกลม รูปใบหอกถึงรูปไข่ โคนใบแหลมถึงตัดหรือเว้าเล็กน้อยคล้ายรูปหัวใจ ส่วนปลายใบแหลมหรือมนเป็นติ่ง ใบมีความกว้างประมาณ 1-5.8 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1.5-11 เซนติเมตร แผ่นใบหนาเกลี้ยง หรือมีขนสั้นตามเส้นกลางใบและตามโคนเส้นแขนงใบ มีเส้นตามยาวของใบ 3-5 เส้น ส่วนเส้นกลางใบด้านบนจะเป็นร่อง ด้านล่างนูน หูใบเป็นแนวนูนเกลี้ยง หรืออาจมีขน และก้านใบมีความประมาณ 1-10 มิลลิเมตร
      ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงตามง่ามใบหรือปลายกิ่ง ยาวประมาณ 5-20 มิลลิเมตร ก้านช่อดอกสั้นหรือยาวได้ถึง 9 มิลลิเมตร ดอกมีจำนวนมาก ส่วนก้านดอกยาว 0-2.5 มิลลิเมตร มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ลักษณะคล้ายรูปไข่ถึงกลม มีความยาวประมาณ 0.9-1.7 มิลลิเมตร ด้านนอกเกลี้ยงหรือมีขน ส่วนด้านในเกลี้ยง กลีบดอกมีสีเขียวถึงสีขาว มีกลีบ 5 กลีบ ยาวประมาณ 2.3-3.6 มิลลิเมตร โคนติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก หลอดยาวกว่าแฉก 2 เท่า ด้านนอกเกลี้ยงมีขนหรือเป็นตุ่ม ๆ ส่วนด้านในมักมีขนเป็นวงอยู่ตรงปากหลอด นอกนั้นเกลี้ยง แฉกหนา มีเกสรตัวผู้อยู่ 5 ก้าน ติดอยู่ใกล้ปากหลอด ยาวยื่นออกมาพ้นปากหลอด ก้านเกสรมีความยาวประมาณ 0.2-0.6 มิลลิเมตร ส่วนอับเรณูเป็นรูปไข่ มีความยาวประมาณ 0.6-0.9 มิลลิเมตร มีขนแผง และมักมีติ่งแหลมอ่อน รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มีอยู่ 2 ช่อง แต่ละช่องจะมีไข่อ่อนจำนวนมาก และยอดเกสรตัวเมียเป็นตุ่ม
สรรพคุณ
     แก่น บำรุงกำลัง ดับพิษร้อน แก้ปัสสาวะพิการ
     ราก แก้ฝี  แก้ริดสีดวงในลำไส้
     ใบ รักษาโรคผิวหนัง แก้อัมพฤกษ์ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย
ตำรับยา/วิธีใช้
     แก้ฝี  ใช้รากตำพอก
     แก้เส้นเอ็นพิการ ใช้เปลือกต้น แก่น และใบ นำมาต้มดื่ม
     แก้เหน็บชา แก้เข้าข้อ ใช้เปลือกต้น แก่น และลำต้น นำมาต้มดื่มแก้อาการ
     แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยใช้แก่นนำมาต้มเป็นน้ำดื่ม หรือจะใช้เปลือกต้น แก่น และใบ นำมาต้มดื่ม

อ้างอิง https://medthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น